ทิศนา
แขมมณี (2550
: 91-92) ได้กล่าวถึงทฤษฎีนี้ไว้ว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือ
(Cooperative
and Collaborative Learning) เป็นคำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน
เพราะมีลักษณะเป็นกระบวนการเรียนรู้เป็นแบบร่วมมือ ข้อแตกต่างระหว่าง Cooperative
Learning กับ Collaborative Learning อยู่ที่ระดับความร่วมมือที่แตกต่างกัน
Sunyoung, J. (2003) ได้สรุปว่า
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง Cooperative Learning กับ
Collaborative Learning คือ เรื่องโครงสร้างของงาน ได้แก่Pre
– Structure , Task – Structure และ Content Structure โดย Cooperative Learning จะมีการกำหนดโครงสร้างล่วงหน้ามากกว่า
มีความเกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างไว้เพื่อคำตอบที่จำกัดมากกว่า
และมีการเรียนรู้ในขอบข่ายความรู้และทักษะที่ชัดเจน ส่วน Collaborative
Learning มีการจัดโครงสร้างล่วงหน้าน้อยกว่า
เกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างแบบหลวมๆ (ill – Structure Task)เพื่อให้ได้คำตอบที่ยืดหยุ่นหลากหลาย
และมีการเรียนรู้ในขอบข่ายความรู้และทักษะที่ไม่จำกัดตายตัว
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพการเรียนการสอนออนไลน์มักนิยมใช้คำว่า Collaborative
Learning
Nagata and Ronkowski (1998) ได้สรุปเปรียบว่า
Collaborative Learning เป็นเสมือนร่มใหญ่ที่รวมรูปแบบหลากหลายของ
Cooperative Learning จากกลุ่มโครงการเล็กสู่รูปแบบที่มีความเฉพาะเจาะจงของกลุ่มการทำงานที่เรียกว่า
Cooperative Learning กล่าวได้ว่า Cooperative
Learning เป็นชนิดหนึ่งของCollaborative Learning ที่ได้ถูกพัฒนาโดย Johnson and Johnson (1960) และ
ยังคงเป็นที่นิยมใช้แพร่หลายในปัจจุบัน
อัชรา
เอิบสุขสิริ (2550 : 94-96) ความหมายและแนวคิดของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
Cooperative
and Collaborative Learning หรือ การเรียนรู้แบบร่วมมือ
เป็นคำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน
เพราะมีลักษณะเป็นกระบวนการเรียนรู้เป็นแบบร่วมมือ ข้อแตกต่างระหว่าง Cooperative
Learning กับCollaborative Learning อยู่ที่ระดับความร่วมมือที่แตกต่างกัน
Sunyoung, J. (2003) ได้สรุปว่า
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง Cooperative Learning กับ
Collaborative Learning คือ เรื่องโครงสร้างของงานอัน ได้แก่
Pre – Structure , Task – Structure และ Content
Structure โดยCooperative Learning จะมีการกำหนดโครงสร้างล่วงหน้ามากกว่า
มีความเกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างไว้เพื่อคำตอบที่มีขอบเขตจำกัด ชัดเจน
และมีการเรียนรู้ในขอบข่ายความรู้และทักษะที่ชัดเจนมากกว่า ส่วน Collaborative
Learning มีการจัดโครงสร้างล่วงหน้าน้อยกว่า
เกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างแบบหลวมๆ (ill – Structure Task) เพื่อให้ได้คำตอบที่ยืดหยุ่นหลากหลาย
และมีการเรียนรู้ในขอบข่ายความรู้และทักษะที่ไม่จำกัดตายตัว
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพการเรียนการสอนออนไลน์มักนิยมใช้คำว่าCollaborative
Learning
Office of Educational Research and Improvement
(1992) ได้ให้ความหมายของ Cooperative Learning ว่าเป็นกลยุทธ์ทางการสอนที่ประสบผลสำเร็จในทีมขนาดเล็ก ที่ซึ่งนักเรียนมีระดับความสามารถแตกต่างกัน
ใช้ความหลากหลายของกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อการปรับปรุงความเข้าใจต่อเนื้อหาวิชา
สมาชิกแต่ละคนในทีมมีความรับผิดชอบไม่เพียงแต่เฉพาะการเรียนรู้แต่ยังรวมถึงการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมในการเรียนรู้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการสร้างบรรยากาศเพื่อให้บังเกิดการบรรลุผลสำเร็จที่ตั้งไว้ด้วย
สยุมพร ศรีมุงคุณ (https://www.gotoknow.org/posts/341272)
ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือไว้ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ(Theory of
Cooperative or Collaborative Learning) แนวคิดขอทฤษฏีนี้ คือ
การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3
– 6 คน
ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม
โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้
โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน
ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ
โดยวิธีการที่ หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน
และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่มเดียว
สรุป
การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative
Learning and Collaborative Learning) หรือนักวิชาการบางท่านได้แปล Collaborative
Learning ว่าคือ การเรียนรู้ร่วมกัน
ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติงานเป็นกลุ่มย่อย
โดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถที่แตกต่างกัน
เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน
สนับสนุนให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้
ยังเป็นการส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือทีม ตามระบอบประชาธิปไตย
และเป็นการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
ทำให้สามารถปรับตัวอยู่กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข Collaborative Learning
เป็นเสมือนร่มใหญ่ที่รวมรูปแบบหลากหลายของCooperative
Learning จากกลุ่มโครงการเล็กสู่รูปแบบที่มีความเฉพาะเจาะจงของกลุ่มการทำงานที่เรียกว่า
Cooperative Learning กล่าวได้ว่า Cooperative
Learning เป็นชนิดหนึ่งของ Collaborative Learning ที่ได้ถูกพัฒนาโดย Johnson and Johnson (1960) และ
ยังคงเป็นที่นิยมใช้แพร่หลายในปัจจุบัน
ที่มา
ทิศนา แขมมณี. (2550).
ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สยุมพร ศรีมุงคุณ. (https://www.gotoknow.org/posts/341272).
[ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2561.
อัชรา เอิบสุขสิริ.
เอกสารประกอบการเรียนวิชาจิตวิทยาสำหรับครู. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น